ไปเสม็ดเสร็จทุกราย I (ตอน1)
jดีใจจัง จะได้ไปเสม็ดแล้ว เย่ เย่ …ตอนนั้นพวกเราอยู่กันปี 2 คิดการใหญ่ด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ว่า “เราจะไปเสม็ดกัน”
เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากนัก ก็แค่การมาเสม็ดครั้งแรกของอีชั้นนะ โอ้ย…เดินหาที่พักกันน่องโป่ง เรามากันเย็นมาก เหนื่อยแสนเหนื่อย เนื่องจากต้องรอให้ทุกคนเรียนเสร็จซะก่อน กว่าจะไปถึงเสม็ดก็ค่ำมากแล้ว พอถึงแล้วยังไม่มีที่พักซะอีกแน่ะ เดินหาแล้ว…หาอีก ย้อนไปย้อนมา ก็อันที่จริงน่ะนะ มันก็เกิดจากความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพวกเราเองอะแหละ บังกะโลแรกที่เราถามนะ เค้าเสนอที่พักให้ด้วยราคา 1 พันบาท แต่แหม บังกะโลผุๆ เล็กๆแคบๆ ใช้เสื่อมุง ไม่มีแอร์ และสกปรกขนาดนั้น คิดสำหรับราคา 7 คน ขนาดนี้ เราเลยบอกเค้าไปว้า “ขอดูที่อื่นอีกนิดนะคะ” แต่พี่แกโวยวายว่า “ถ้ามาอีกคิดพันสอง” พวกเรามองหน้ากัน และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า “เป็นตายร้ายดียังงัย พวกฉันก็จะไม่มีวันกลับมาง้อแกหรอก ฮึ!!”
ไม่นึกเล๊ย…ว่าจะสมพรปาก เดินมา 3 หาด ที่พักเต็มหมด อ้อ…บางที่ที่ไม่เต็มนะ มันสงวนไว้ให้ฝรั่งนะ ส่วนคนไทยนะเหรอไปพักที่อื่น โทษทีนะ! ที่หนังหน้าของพวกฉันนะไม่อินเตอร์ เลยพักไม่ได้ โอ้ย…ดูนาฬิกา จะตีหนึ่งแล้ว โอ้ว…ยังไม่มีที่พัก คิดไม่ออก พวกเราเลยมานั่งจุมปุกกันแถวหาด ซึ่งมีแสงสว่างจากบาร์สนุกเกอร์ใกล้ๆ
ดีที่พกข้าวกล่องกันมา เลยไม่ต้องเจอไม่ต้องเจอปัญหาท้องหิวไส้กิ่วอีกระลอก ห้องน้ำสาธารณะก็มี ถึงจะสกปรกเหลือใจ ก็ต้องใช้ๆไปก่อน “ยังงัยก็คงดีกว่ายองๆฉี่แหละว่ะ”
พวกผู้ชายได้เพื่อนใหม่ถูกคอ เป็นลูกจ้างในบังกะโลแถวนั้น ใจดีมานั่งคุยกะเรา แต่แหมเรื่องที่เล่านะ ปลอบใจเราเหลือกำลัง ก็พี่แกเล่าว่า “เมื่ออาทิตย์ก่อนมีฝรั่ง โดนคนงานไทยข่มขืน” อ้าว…เอาแล้วไง ยิ่งไม่มีที่พักอยู่ด้วย “แต่ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เอาคนไทย…” พี่เค้าว่างั้น โอ้โห! ช่วยได้มากเลยพี่ ขอบใจที่ปลอบ ตายๆๆเอาไงดีว่ะพวกเรา
ทันใดนั้น ก็มีฝรั่งเข้ามาคุยด้วย เป็นชาวเยอรมัน ชื่อ โอลาฟ คุยไปส่งสายตาหวานไป แต่ขอโทษไม่ได้ส่งตาหวานมาทางอีชั้น หรือเพื่อนสาวๆสวยๆของอีชั้นหรอกนะ แต่เป็น..เออๆ แบบว่าคือ แบบ เออ..ส่งสายตาให้เพื่อนเรา ชื่อ ไอ้แมน แค่ชื่อก็เดาได้นะคะ น่านแหละเจ้าค่ะ อย่างที่ท่านคิด ขณะที่โอลาฟหว่านล้อมต่างๆนานา ให้พวกเราไปพักกับเค้า(เป็นเสียงในฟิมล์) ไอ้แมนทนขนลุก(ตูด)ไม่ไหว เลยลุกออกมาจากตรงนั้น สาบานได้ อีชั้นเห็นกับตาว่า ทันทีที่ไอ้แมนลุกออกมา โอลาฟมองตูดไอ้แมน ขนลุกค่ะ แต่เพื่อนเราอีกคน ชื่อ นุ ก็ยังคงสนทนาอยู่กับโอลาฟ เนื่องจากเห็นแก่ที่พัก นุถามเข้าไปว่า “…have air condition” โอลาฟพยักหน้า นุดีใจสุดๆ อีชั้นจึงตัดสินใจว่า "ไอ้แมน…ถึงเวลาแล้ว ที่แกต้องเสียสละ” แต่เพื่อความสบายใจของไอ้แมน อีชั้นจึงปลอบมันไปว่า “เอาน่า…เดียวพอเข้าบ้านแล้ว พวกฉันจะจับมัน(โอลาฟ)มัดให้เลย มันทำไรแกไม่ได้หรอก” แต่น่าเสียดายที่เกลี่ยกล่อมไม่สำเร็จ ไอ้แมนเห็นแก่ตูด เอ้ย…เห็นแก่ตัว ไม่ยอมนะสิเจ้าค่ะ
ด้วยเหตุฉะนี้…ฉะนั้น เราเลยต้องนอนหาด มีเสื่อที่ซื้อมา มีเปลชายหาด เราก็นอนกันได้ นอนเรียงๆกันไป ฮ๊า…อันที่จริง มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อากาศดี ดาวสวย เป็นครั้งแรกที่ได้มองท้องฟ้าได้เต็มตาขนาดนี้ ไม่มีตึกสูงมาบดบังความสวยงามของดวงดาว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าว่าดาวหางมีอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด ผ้าถุงผืนหนึ่งแหย่ขาใส่เข้าไปได้ 3 คน กันยุงกัด อบอุ่นดี
สักพักมีฝรั่งชายหญิงวิ่งหยอกล้อถูๆไถๆกันมา แล้วก็หยุดเล่นจ้ำจี้มะเขื่อเปราะกระเทาะหน้าแว่น ไม่ห่างเรามากนัก โดยไม่ได้นัดหมาย พวกเราก็สามารถเรียงตัวไล่สเต็ปกันเป็นอัฒจันทร์
เอ๊า...ไก่ตื่นซะและ ก็แหมเล่นมองเอาๆ ไก่เลยไหวตัวย้ายที่ไปเล่นจ้ำจี้ในที่อื่น อดดูต่อเลย…เสียดาย
14 Comments:
ไปเสม็ดแต่ก้อไม่เสร็จอยู่ดีอ่ะ......
อยากเสร็จบ้างง่ะ งั้นเดี๋ยวไปกันอีกนะ
คราวนี้เราต้องทำหั้ยได้ ฮึบบบบ
ดีค่ะ ทีหลังเราไปกัน อีชั้นจะพาเพื่อนชาวสีม่วงไปด้วย คงถูกคอกันดีนะคะ
เสร็จแน่เจ้าค่ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ
This comment has been removed by a blog administrator.
This comment has been removed by a blog administrator.
เสม็ดก็เคยไปนะ แต่ความทรงจำที่เหลืออยู่กับเสม็ดมีไม่ค่อยเยอะ ไม่เหมือนพะงัน
ตอนนั้นไปกับเพื่อนๆที่มัธยม และมิสปุ๊คุณครูแสนรัก รวมแล้วน่าจะเกือบสิบชีวิต
เราเดินทางโดยรถไฟ
พอถึงพะงันแล้ว คิดว่าตัวเองอยู่เกาะแถบทะเลใต้ มันมีแต่ฝรั่งหัวทอง เราคนไทยกลายเป็นคนกลุ่มน้อย ร้านค้าแถบนั้นมีแต่ป้ายชื่อร้านและเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษ ป้ายบอกทางก็ด้วย
จำได้ว่าเพื่อนผมคนหนึ่ง เดินเข้าไปในร้านขายของชำของอาซิ้มแก่ๆ เพื่อซื้อโค้กกระป๋องมาดื่มแก้กระหาย
"ป้าครับ โค้กกระป๋องเท่าไหร่"
ซิ้มแกตอบกลับมาว่า
"twenty five baht"
????
ส่วนขากลับจำได้ไม่มีวันลืม เพราะเป็นการเดินทางที่มาราธอนที่สุดในชีวิต ยิ่งกว่าตอนผมเดินทางไปกรุงเทพ - สุไหงโก-ลก เสียอีก เพราะรถไฟขบวนก่อนหน้าที่ใช้รางเดียวกัน ดันเสีย ต้องเสียเวลาลากเข้าสถานีที่ใกล้ที่สุดก่อนแล้วจึงหลีกทางให้ขบวนของผมมุ่งหน้าต่อไปได้
กินเวลา
20 ชั่วโมง ทั้งหมด ตั้งแต่สุราษฎร์ - กรุงเทพ
คนก็แน่นเอี๊ยด แถมนั่งชั้นสาม จำได้ว่าพวกเรานอนกันใต้เก้าอี้ เอาขาพาดกันไปพาดกันมาจนไม่รู้แล้วว่าขาใครเป็นขาใคร แมลงหลากหลายพันธุ์ บินเข้ามาเกาะหน้ามันๆของพวกเรา ประหนึ่งว่ามันจะเข้ามาเล่นแสงไฟที่สะท้อนแวววับบนหน้าผากของเรา
เหนื่อยแต่สนุกครับ
น่าสนุกดีออก ถ้าไม่ลำบากหน่อยๆ ก็ไม่สนุกสิ จริงมะ
มันทำให้เราจำได้ ยิ่งถ้าได้แผลมาด้วยนะ ตายก็ไม่ลืม!
(*@*)
แหมๆๆๆ เรื่องเล่าสมัยโบฯ ครั้นยังเต่งตึงนะยะ....
เฮอะๆ เสียดายไม่ได้ไปด้วย Y_Y
แล้วจะมาเม้นท์บ่อยๆจ้า
ฮ่าๆๆ ... อ่านแล้วสนุกจังเลยค่ะ
ไปอ่านภาค 2 ต่อ อิอิ
ขอบพระคุณ ที่ติดตามนะคะ
เตรียมทิชชู เอาไว้ซับน้ำลายด้วยค๊า...
ส่วนคุณ Yuhoo ตอนนี้ฉันกำลังนึกเรื่องแกมาเขียนอยู่
ฮาๆเดี๋ยวนี้เค้านิยม แฉ!!!เรื่องคนอื่นกันนิ
เอาบ้าง อยากเป็นดารา
เสร็จทุกราย แสดงว่าเสม็ดต้องมีดี ถ้าเราไปต้องเสร็จแน่ๆ เลย Ha Ha อ่านของพระนางเนเฟอแล้วสุนกดีนะ แล้วจะติดตามอ่านตอนสอง
อย่าถึงกับเรียกพระนางเลยค่ะ
แค่เรียก "หญิงไวท์" ก็พอ
โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ.......
ลืมเล่าไปอีกเรื่องนะไวท์...คืนที่สอง มีเกย์สองคนนอนอยู่ในหลุมทราย แล้วปักเทียนรอบหลุมอ่ะ
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home