ทวีพร ทองคำใบ, ไว้อาลัยตลอดกาล
18 ตุลาคม พ.ศ. 2548 เย็นวันนี้ฉันกลับบ้านด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง เปิดทีวีช่อง 3 ผู้สื่อข่าวรายงาน “ข่าวรถเมล์เบรคแตกชนคน”
รถเมล์สาย 30 สีฟ้าขาว เบรคแตกจากบนสะพานแถวเกียกกาย ความแรงของรถที่เหยียบมาเต็มที่และเบรคแตกบวกแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้รถเมล์คันนั้นพุ่งเข้าชนรถกระบะ จนรถกระบะผู้โชคร้ายหมุนไปติดฟุตบาต ไม่พอรถเมล์เจ้ากรรมยังชนคนขี่จักรยานผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ติดใต้ท้องรถมาด้วย รอยเลือดเป็นทางยาว 500 เมตร จากแยกเกียกกายถึงรร.โยธินบูรณะ ฉันนั่งดูทีวีด้วยความสยดสยอง นึกถึงความทุกข์ทรมานของผู้ตาย
...
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เป็นที่น่าเสียดายที่เราต้องสูญเสีย อ.ทวีพร ทองคำใบ
นักวิชาการช่างศิลป์ระดับ 7 คนดีๆ 1 คน ผู้ทรงไว้ซึ่งคุณูปการมากมาย มีผลงานของท่านทั้งปกหนังสือต่างๆ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ฉลองพระชนมายุครบ 70 พระชันษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระฉายาสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเทพฯ และคงไม่มีนักสะสมแสตมป์คนไหนไม่รู้จักชื่อของอาจารย์ทวีพร ผลงานล่าสุดของอาจารย์ คือ ชุดแสตมป์รุ่นปูชนียาจารย์ แสดงภาพพระภิกษุผู้เป็นที่นับถือหลายรูปด้วยกัน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ รวมทั้ง หนังสือที่ใช้แจกในวันเด็กที่จะถึงนี้
ฉันเดินไปหยิบ “ศรีชไมยาจารย์” หนังสือเชิญชูเกียรติ 2 อาจารย์ ที่พวกเราทุกคนในโครงการวิจัยกฎหมายตราสามดวงฯเคารพ คือ อ.ประเสริฐ ณ นคร และอ.วิสุทธ์ บุษยกุล ในนั้นมีภาพวาดที่ฉันประทับใจที่สุด ภาพที่แสดงออกถึงความเมตตาอาทรของท่านอาจารย์ทั้ง 2 ได้เป็นอย่างดียิ่ง และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเจ้าของผลงาน
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันได้รู้จักฝีมือของ อ.ทวีพร ดูไปดูมาน้ำตาก็ไหล ฉันต้องคอยเอามือปาดน้ำตาเป็นระยะ เพราะเกรงว่ามันจะหยดลงบนภาพแสนรักของฉันนี้
ฉันหยิบหนังสืออีกหลายเล่มขึ้นมาดูผลงานของอาจารย์ เช่น ภาพภูมิสภานพระราชวังหลวง สมัยอยุธยา จากหนังสือ “กฎมณเทียรบาล ฉบับเฉลิมพระเกียรติ”, ภาพ อ.วุฒิชัย มูลศิลป์ จากหนังสือ “ปริทรรศ์ประวัติศาสตร์” รวมบทความเพื่อเป็นเกียรติแด่ อ.วุฒิชัย เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ, ภาพเขียนสีน้ำ แสดงการต่อพิสูจน์โดยการดำน้ำ จากสูจิบัตรงานประชุมสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง กฎหมายตราสามดวง: แว่นส่องสังคมไทย ฯลฯ
ฉันนึกถึงภาพชายวัยกลางคนที่ดูเป็นศิลปินมากๆ สุภาพ ใจดี มือถือกล้องถ่ายรูปชนิดฟิล์มรุ่นมือหมุน แต่ภาพถ่ายที่ออกมากลับสวยงามมีชีวิตเสียยิ่งกว่ากล้องดิจิตอล 8 ล้านพิกเซล ฉันคงไม่ได้เห็นอีกแล้วสินะ
ผู้สื่อข่าวก็ยังรายงานต่อไปเรื่อยๆ ว่าอาจารย์ต้องการช่วยชาติด้วยการขี่จักรยานไปกระทรวงศึกษาธิการที่ทำงานของอาจารย์ทุกเช้า เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โดยอาจารย์ระวังตัวเองมาโดยตลอด ใส่หมวก ใส่สนับแขนสนับขา แต่การระวังเพียงฝ่ายเดียวคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งรอดพ้นจากความประมาท ซึ่งแน่นอนไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เช้าวันนี้ อ.ทวีพรไม่สามารถพาตังเองไปให้ถึงจุดหมายได้
ฉันนึกอะไรไปมากมาย ความตายเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก โดยเฉพาะเมื่อมันมาแบบไม่ทันตั้งตัว, ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย แม้ความประมาทนั้นมิใช่เราเป็นผู้ก่อ, และสุดท้ายคือ “ทำไมคนที่กูรักคนที่กูนับถือต้องตายอีกแล้วว่ะ”
ทั้งนี้ เจ้าของบริษัทรถร่วมฯออกมาแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายแก่ญาติผู้เสียชีวิต เป็นเงิน 40,000 บาท!!??
เจ็บใจ...
ฉันเปิดทีวีไล่หาข่าวการเสียชีวิตของอาจารย์ แล้วมาหยุดที่ช่อง 7 ผู้สื่อข่าวรายงานถึง “ข่าวลือ” ว่า การเสียชีวิตของอ.ทวีพร มีผลมาจากการวาดภาพแสตมป์รุ่นปูชนียาจารย์ อันถือเป็นการลบหลู่???? จนผู้รับผิดชอบ(จำไม่ได้ว่าหน่วยงานไหน) ต้องออกมาแก้ข่าวว่า ในการจัดทำแสตมป์ครั้งนี้ ได้ทำการขอขมาแล้ว จึงไม่ใช้ด้วยเหตุนี้อย่างแน่นอน
เศร้าใจจริง…คนหนอคน
5 Comments:
เศร้าจังเลย ไว้อาลัยด้วยคนนะ คนดีๆไม่น่าจากโลกนี้ไปเร็วเลย
ขอร่วมไว้อาลัยด้วยคนครับ...
ถึงผมจะไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว
ถึงผมจะรู้จักท่านว่าเป็นศิลปินหลังจากฟังข่าวครั้งหลังๆ
แต่ผมก็นิยมท่าน หลังทราบว่าท่านขี่จักรยานไปทำงาน
คนดีๆ ทำงานเงียบๆ ตั้งใจช่วยชาติโดยไม่ป่าวประกาศว่ากู..เป็นคนดี
กลับโดนคนมักง่าย กวาดไปตามถนน
มันยุติธรรมหรือ
งั้นไม่แปลกหรอกที่ใครๆ ก็ถวิลหา ที่จะมีรถส่วนตัว
ไม่แปลกที่ใครๆ จะเอาประโยชน์ให้ตัวเองไว้ก่อน
เพราะระบบห่วยๆ ที่ไม่เอื้อต่อการทำดี การเสียสละของไทยเรานี่เอง
ศิลปินอาจลับล่วง
แต่ดวงแสตมป์ยังคง
โคควายวายชีพได้เขาหนัง
ฉันใด มหาบุรุษจากไป ย่อมฝากไว้ซึ่งผลงานจรรโลง ฉันนั้น
บุญรักษา ครับ
ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้
ถ้าอาจารย์รับรู้ได้ก็คงดี
ขอชมภาษาเขียนของเจ้าของบล๊อก เขียนได้ดีมาก
ไม่ทราบว่าเคยคิดจะเขียนหนังสือบ้างหรือเปล่า
Post a Comment
Subscribe to Post Comments [Atom]
<< Home