sweetnefertari

we're gonna wish upon a star... we never wished upon before

Friday, September 23, 2005

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

จริงๆแล้วช่วงนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่อง ”คไทย อย่างละเอียด

อยากจะช่วยย้ำอีกครั้ง ในเรื่องที่นักวิชาการแขนงประวัติศาสตร์ และโบราณคดีหลายท่านพยายามที่จะอธิบาย ถึงคำว่า “ชาติ” กับคำว่า “เชื้อชาติ”

แต่ตอนนี้ ความเศร้ามันเกาะกินใจเกินกว่าที่สมองจะสั่งการใดๆได้

จึงขออธิบายเพียงสั้นๆว่า ชาติ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Nation และเชื้อชาติ ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Race โดยทั่วไป การที่เราพูดถึง “คนไทย” นั้นหมายถึง คนไทย ที่อยู่ในประเทศไทย มีวัฒนธรรม มีความสัมพันธ์ในเชิงสังคม หาใช่คนเชื้อชาติไทย ดังที่ อ.ศรีศักร วัลลิโภดม เคยเขียนเอาไว้ว่า การที่เราพูดว่า เราเป็นคนไทย คงไม่มีใครหรอกที่จะบอกว่า ฉันเป็นคนไทย เพราะบรรพบุรุษฉันอพยพลงมาจากเทือกเขาอัลไต แต่เราเรียกตัวเองว่าคนไทยเพราะ เราเกิดบนแผ่นดินนี้ อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ มีวิถีชีวิตร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันต่างหาก

ข้อเท็จจริงอีกอย่าง คือ การศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆบนโลกใบนี้ ก็เน้นการศึกษาประวัติศาสตร์ชาติ หาใช่ประวัติศาสตร์เชื้อชาติไม่!!!

ความเข้าใจผิดนี้คงเริ่มมาจาก การบัญญัติตำราเรียนที่ว่า ชาติไทยมีสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก มีอยุธยาเป็นแห่งที่ 2 และมีรัตนโกสินทร์เป็นแห่งที่ 3

ขีดเส้นกรอบเอาไว้ แล้วเขี่ยคนอื่นออกไป ก่อนหน้าไม่นับเป็นคนไทย ที่เข้ามาทีหลังก็ไม่ใช่!!??

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะต้องมีการทบทวนวิธีคิดกันใหม่อย่างจริงจัง…


ขอไว้อาลัยให้นาวิกโยธิน 2 นายที่เสียชีวิตไป ขอแสดงความเสียใจกับญาติของเขา ขอไว้อาลัยให้กับ”ประเทศไทย”ของเรา เชื่อเถอะว่า เราเสียใจกันทุกคน และสุดท้าย ขอให้สันติสุขจงบังเกิด โดยเร็วด้วยเทอด…

4 Comments:

At Friday, September 23, 2005 9:02:00 AM , Blogger ratioscripta said...

มีเวลาว่างจากวิทยานิพนธ์ ก็ลงมือเขียนให้อ่านหน่อย

ไม่ต้องก้อนใหญ่ก็ได้คุณ

เอาทีละเล็กละน้อย ทีละเกร็ดเรื่องเล่า

อยากอ่านนะ เพราะสมัยเรียนผมก็เรียนประวัติศาสตร์ (เชื้อชาตินิยม) เหมือนกัน

แม้จะบอกว่ามีนักประวัติศาสตร์ระดับหย่ายๆ หลายคนบนผืนแผ่นดินนี้ พยายามเขียน บ่น ปาฐกถา อธิบาย ฯลฯ ให้เกิดความเข้าใจในการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์อันเป็น "ศาสตร์" อย่างแท้จริง มากมายในปัจจุบัน และค่อนข้างประสบความสำเร็จในการจัดทำตำราและหลักสูตรการเรียนรู้ใหม่ๆ แล้วก็ตาม

แต่ผมเชื่อว่า ยังมีใครอีกหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) รออ่าน และปรับทัศนคติ เพื่อเรียนรู้อดีต เพื่อปรับวิธีคิดและวิธีมองในปัจจุบัน และเพื่อทำนายทายทักอนาคต

และไม่แน่มันอาจจะทำให้อะไรหลายๆอย่างในปัจจุบันที่ยังคงคลุมเคลือและเข้าใจผิดๆอยู่พังทลายและกระจ่างใสขึ้นได้

โดยเริ่มจากบล็อกเล็กๆบล็อกนี้แหล่ะ

 
At Sunday, September 25, 2005 6:39:00 PM , Anonymous Anonymous said...

ใช่ครับ เมื่อเรียนประวัติศาตร์ในเชิงลึกแล้ว จะได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เรียนมากับตำราเรียนในสมัยมัธยม ยังไม่เข้าใจในจุดนี้เท่าที่ควร ซึ่งผมคิดว่ามีเยอะในประเทศไทย ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจระหว่าง "ประวัติศาสตร์ชาตินิยม" และ ประวัติศาตร์ที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ทัศนคติของคน และปัญหาต่างๆในประเทศปัจจุบันอาจเบาบางกว่าในขณะนี้

 
At Monday, September 26, 2005 1:52:00 PM , Blogger crazycloud said...

ประวัติศาสตร์แบบ ชาตินิยม คือ อำนาจรัฐที่ใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือ หากเป็นเช่นนี้ ความเป็นศาสตร์ก็จบลงครับ

ในยุคที่นักคิดปัญญาชน กำลังกลายพันธ์เป็น Post Modern ไปหมด การยอมรับประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ไม่ปิดกั้น เปิดอ้าซ่า ทั้งในแง่ของ ภาษา ชาติพรรณวรรณนา ศาสนา ฯลฯเป็นสิ่งที่พึงทำ และขยายผลให้รับรู้

จุดของการขยายผลนี่แหละ สำคัญที่สุด เพราะสื่อในปัจจุบันเป็นเครื่องมือชั้นดี ที่ข้ามชุมชน ทะลวงความคิดของมวลชนได้ดี

นักประวัติศาสตร์เยี่ยงท่าน ควรสร้างกระบวนการช่วงชิงพื้นที่ทางความคิดผ่านเครื่องมือโลกาภิวัฒน์ให้มากที่สุด และต้องง่ายต่อการเข้าถึงด้วยนะ

มิเช่นนั้น ผู้ชนะในการช่วงชิง หากกอปรด้วยมิจฉา แล้วย่อมเสนอความคิดทางประวัติศาสตร์ แห่งมายา เข้าครอบครองจิตใจมวลชน จนขยายและก่อชนวนความขัดแย้งยิ่งกว่าการตายของสอง นย.ด้วยซ้ำ

กรณีลิมอร์ เราจึงเบิ่งตาแล เห็นว่า ท่านเนเฟอร์ นี่แหละ จะเป็นกำลังสำคัญในการเปิดพื้นที่ ทลายความงี่เง่าของพวกชาตินิยมปัญญาอ่อน ซ้นตีน นี้ให้ได้

เมื่อถึงวันนั้น เราจะได้เป็นเพื่อนกับวีรสตรี ฮา ฮา

 
At Tuesday, September 27, 2005 10:14:00 PM , Blogger sweetnefertari said...

น่าเสียดายที่นักประวัติศาสตร์ขั้นปรมาจารย์ทั้งหลาย ส่วนใหญ่รังเกียจการโฆษณา...

ทั้งที่มันอาจมีผลดีด้วยซ้ำไป ผลงานที่ออกมาจึงนิยมเผยแพร่ด้วยการจัดสัมมนาทางวิชาการ หรือหนังสือ ที่ตีพิมพ์ออกมามากมาย แต่ไม่ค่อยมีใครจะซื้ออ่าน ส่วนการออกทีวี วิทยุ นี่ถ้าไม่จำเป็นไม่ค่อยอยากจะออกกัน

ส่วนข้าพเจ้าความรู้เท่าหางอึ่ง คงทำได้เท่าที่ทำนี่แหละค๊า...

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home