sweetnefertari

we're gonna wish upon a star... we never wished upon before

Monday, January 08, 2007

บล็อกลูกโซ่

หลังจากที่โดนจดหมายลูกโซ่ที่เรียกว่า blog tag ที่ผู้ได้รับจะต้องเขียนจดหมายถึงตัวเอง 5 ข้อ แล้วส่งต่อให้เพื่อนอีก 5 คน แบบไม่รู้ตัว จากเพื่อนรักคือ Ratio scripta จนถึงกับต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ แล้วก็รีบมานั่งเขียนจดหมายแบบเดียวกันด้วยความสนุก เพราะแค่คิดว่าจะส่งถึงใครเป็นรายต่อไปก็... ก็สะใจแย้ว ฮุฮุ
เอาละนะ

1. ฉันคือ sweetnefertari ใช้ชื่อนี้ด้วยแรงบันดาลใจจากพระนามราชินีผู้เลอโฉมและทรงอำนาจแห่งอียิปต์ (กรุณากลับไปอ่านเรื่อง Nefertari ลงเมื่อวันที่ 11 สิงหา 2005 จ้า) แต่ใช้คำว่า Nefertari เฉยๆไม่ได้ เลยต้องเติมคำว่า sweet นำหน้าเพิ่มความหวานให้กับตัวเอง ฮุฮุ

2. ถึงจะเอาดีกับมันไม่ค่อยจะได้ แต่ฉันก็รักในการเรียนประวัติศาสตร์ม้ากมาก เพราะมันทำให้ฉันรู้รอบ ตั้งแต่เรื่องในห้องนอน ยันไปถึงเรื่องระดับชาติ (สาระแนว่างั้น)


3. ฉันเป็นคนรักสัตว์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำใจลด ละ เลิก การกินพวกมันไม่ได้ (ก็มันอร่อยนี่น่า) เลยจำกัดการกินเนื้อสัตว์เฉพาะหมู ไก่ เนื้อ ปลา และอาหารทะเลเท่านั้น เอ...ก็เกือบหมดแล้วนิ สรุปว่าไม่กินสัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกก็แล้วกัน โดยเฉพาะเนื้อกระต่าย ถึงแม้ว่าใครๆจะบอกว่ามันอร่อย และแถวบ้านจะมีขายก็เถอะ เพราะมันเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงเธอจ้ะ อ็องฟ็อง
อ่า...น้ำตาจะไหลแย้ว

4. สถานที่ ที่รักมากที่สุดคือ บ้านที่หินกอง ณ ที่นั่น มีทั้งความทรงจำวัยเด็กที่มีความสุขที่สุด และมีคุณตาที่รักที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะโดนเวนคืน แต่ทุกครั้งที่ฝันเห็นบ้าน ฉันจะมีบ้านหลังนี้เป็นฉากหลังเสมอ

5. ปัจจุบัน เพิ่งจะเรียนจบมาแบบหมาดสนิท หลังการเรียนที่แสนจะยาวนาน และกำลังทำงานวิจัย(ฝุ่น) อย่างขมักเขม้นจ้า - -“

โฮ๊ะๆๆ ในที่สุดก็ครบ 5 ข้อ
ว่าแล้วจะส่งต่อให้ใครดีน๊า............
............
............
คิออกเละ

ก็ส่งกลับไปหาคนส่งมานั่นแหละ 555 อย่าลืมเขียนอีก 5 ข้อ นะคะคุณ Ratio scripta (อะล้อเล่งน่า อย่าเพิ่งตกใจไป)

ต่อไปก็ส่งถึง สาวมิ้ม Carre de mim อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ เพราะจะทำให้สาวมิ้มต้องโดนถึง 2 ฉบับเป็นอย่างน้อยด้วยกัน

ในนามที่รู้จักกัน เห็นทีต้องส่งให้พี่โต เมฆบ้า ล่วงเกินแล้ว ข้าน้อยขออภัย

ด้วยความคิดถึง จึงขอส่งอีกฉบับให้กับน้องนุ่น Kopok สาวน้อยน่ารัก พี่รักน้องนุ่นจ้ะ จุ๊บ

และท้ายสุด ขอส่งให้เพื่อนรักวัยเยาว์อย่าง แต้ว แต้ว kanybkk สาวแกร่งในแดนรัสเซีย ผู้แนะนำในเว็บนักเรียนไทยในรัสเซียชื่อ เว็บบอร์ดเว็บบ่น รับปรึกษาทุกเรื่องให้กับนักเรียนไทยในรัสเซีย แบบไม่หักค่าใช้จ่ายจ้า

...

ยืมคำ ratioscripta มาใช้หน่อยนะ “ย้ำกันอีกครั้ง (หรือโปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง) เกมนี้ผมแค่ผู้ร่วมเล่น ไม่ได้ร่วมคิดแต่อย่างใด ฮาๆ” ฮา ฮา ฮา... เอิ้ก

8 Comments:

At Saturday, January 13, 2007 2:27:00 PM , Blogger crazycloud said...

เรียนจบแล้ว ยินดีด้วย

 
At Tuesday, January 16, 2007 1:53:00 AM , Blogger sweetnefertari said...

ขอบคุณค่ะ

 
At Tuesday, January 16, 2007 10:57:00 PM , Anonymous Anonymous said...

Congratulationssssss!!!!ล่วงหน้านะจ๊ะ เออจดหมายลุกโซ่น่ะไม่มีเวลาเขียนว่ะค่ะ ไว้คราวหน้านะ ไม่เขียนตอบจะตายไม๊ หรือจะขึ้นคาน บอกด้วยนะ เผื่อขลัง....

 
At Friday, January 19, 2007 1:35:00 AM , Blogger sweetnefertari said...

ไม่หรอกจ๊ะ ^^

จะเขียนหรือไม่เขียน เราก็มีแต่คำอวยพรให้เพื่อนเสมอ (เขียนเอง จะอ้วกเอง)

 
At Tuesday, January 23, 2007 5:58:00 PM , Anonymous Anonymous said...

ตายแร้น..
มีแต่คนให้เราเล่นเจ้า blog tag จริงๆก็ตอบไปแล้วในบล๊อกของ Ratio Scriptong กับ บล๊อกของยีน
ทั้งสองอันตอบเหมือนกัน (ก๊อปกันมาน่ะ อิอิ)
แต่เมือไวท์มาถามไถ่ เราก็เลยจะตอบใหม่ก็ได้อีกห้าข้อ
เริ่มละนะ
....
1. เราจะทำอะไรวันละหนึ่งหนเท่านั้น

อธิบายได้ว่า เราจะรับนัดวันละหนเดียว ถ้ารับนัดกินข้าวเที่ยง ก็จะไม่รับนัดกินข้าวเย็น

หรือถ้าเราไปดูหนัง เราก็จะดูเรื่องเดียวต่อวัน เพราะรู้สึกว่าดูหลายเรื่องแล้วเราไม่ได้ซึมซาบกับมันนัก

ช่วงนี้ฝรั่งเศสเซลล์ เราก็ออกไปเดินตามประสา แต่ไม่มีอะไรเข้าตา เว้น ซีดี
เมื่อมันลด เราก็เลยซื้อมาใหญ่ ซื้อมาสามแผ่นในวันเดียว
แต่พอกลับมาบ้าน เราก็เลือกมาแผ่นนึง ฟังจนเบื่อ แล้วแกะพลาสติกแผ่นใหม่มาฟังในอีกสองสามวันต่อมา
เราเลยมีซีดี "ใหม่" ฟังอยู่นานแสนนานเชียว

2. เราชอบดูรักบี้ แต่ชอบกีฬาว่ายน้ำ

เราว่ายน้ำทุกวันเลย เพราะบ้านอยู่ติดกับฟิตเนส เดินไปสองนาทีก็ถึงแล้ว
การว่ายน้ำ ทำให้เรามีเพือนมาก จริงๆจะว่าไปก็คือ พอออกไปฟิตเนสก็เจอคนหลากหลาย เพือนก็มากตามไปด้วย
เราเลยมีนัดต้องไปว่ายน้ำทุกวันตอนบ่ายสองบ่ายสาม ไม่งั้นสมาชิกจะคิดถึง

สำหรับรักบี้
เราสนใจกีฬานี้มานานแล้ว แต่เนื่องจากประเทศไทยนิยมฟุตบอล เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ทัศนา ครั้งจะไปดูที่สนามก็ขี้เกียจ เราไม่ใช่คนทุ่มเทขนาดนั้น
เรามาดูรักบี้จริงจังที่ฝรั่งเศส ดูตามบาร์ที่เค้าเฮกันไปก่อน แล้วพัฒนาไปดูที่สนามจริง
แล้วเลยหลงรักมาเป็นลำดับ กลายมาเป็นคนเฝ้าตารางแข่งขันยิ่งกว่าคนที่พาเราไปดูที่สนามหนแรกอีก

เราสงสัยมานาน ว่าทำไมเราชอบรักบี้ที่สุดในการดูกีฬา

สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า เพราะรักบี้มันเหมือนชีวิต
คือการวิ่งไปแล้วก็มีที่ที่ให้คะแนนเยอะ

ในขณะที่ฟุตบอลตัดสินกันด้วยลูกเดียวในการเตะโทษ ทั้งๆที่เฝ้าเกมส์มาเก้าสิบนาที นักรักบี้กลับต้องทำอะไรมากมายเพือให้ได้มาซึ่งแต้ม

เราก็มองว่ารักบี้มีที่ให้คะแนนมาก และห้ามประมาทแม้จะแต้มนำ เพราะอีกฝ่ายสามารถทำให้เกมส์พลิกกลับได้เสมอ
มันเหมือนชีวิตมั้ง ไม่ได้มีแพ้ชนะหนเดียว แต่ต้องสะสมแต้ม ค่อยๆจัดการ และต้องรอเวลา

ตอนนี้เราแอดว๊านซ์ขีดสุด เพราะวันก่อนไปเที่ยวตะแร่ดๆมา
ดันโชคดีไปเจอนักรักบี้ทีมชาติฝรั่งเศสเบอร์สิบสี่ ตัวสูง ขาว หล่อ แถมเล่นเก่ง
เรื่องโชคดีกว่านั้น คือ เค้าเป้นเพือนของเพือนเรา ที่เป็นแชมป์มวยไทยซะอีกแหน่ะ
เราก็เลยไม่รอช้า ไปคุยกับเค้า
เลยไปหอมแก้มทักทายเค้า (บิซู) แบบฝรั่งเศสกันซะเลย
กลับมานอนหลับฝันดี รู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จในการอยู่ในประเทศนี้ยังไงพิกล

3. เราชอบงานแปล ตรวจทาน และ คอมเมนต์ มากกว่างานเขียนเอง

หลังจากที่เราเข้าสู่วงการขีดเขียนได้มาพักนึง มีการเปิดบล๊อกเพราะเข้าใจว่าตัวเองชอบขีดเขียน
มีการเขียนงานด้านบันเทิงลงสื่อนั่นสื่อนี่บ้างบางคราว

ต่อมาโชคชะตาพลิกผัน คือ เราไม่สบาย ซึ่งทำให้เราพบว่าความคิดสร้างสรรค์เราลดลง
ต่อมาเราก็เลยไม่เขียนอะไรออกมาอีก

คนรอบข้างกลัวเราจะพลังตกเข้าไปใหญ่ แถมกลัวเราฟุ้งซ่านเพราะโรคภัย เลยส่งงานที่ตัวเองเขียนๆ มาให้เราอ่าน เช็ค ติ ชม เสนอไอเดีย ทำให้เราเพลิดเพลิน และพบว่าการทำงานเบื้องหลังอย่างนี้สนุกเป็นกอง

ต่อมาโชคชะตาก็ดันมาพลิกผันไปอีกที คือ เรานึกสนุกอยากทำของขวัญวันเกิดให้ใครบางคนเป็นหนังสือที่เราแปลเองจากภาษาฝรั่งเศส
ปรากฎว่าคนที่ได้ของขวัญชิ้นนั้น เป็นคนขี้อวด แถมอวดถูกคน ดันไปอวด บอกอ สำนักพิมพ์ อีกแน่ะ

เรื่องบังเอิญก็คือว่า สำนักพิมพ์นั้นกะลังอยากได้คนทำงานภาษาฝรั่งเศสอยู่พอดี

ตอนนี้เราก็เลยทำงานด้านภาษาฝรั่งเศสกับ สนพ.นั้นอย่างสนุกสนาน พ่วงท้ายด้วยการเป็นบรรณาธิการลับๆของใครบางคน ซึ่งมาถามไถ่การทำงานของเราตอนเช้าๆของเมืองไทยเสมอ

นี่ก็เลยเป็นเหตุผล ที่เราไม่เขียนบล๊อกอีกเลย เพราะเราหาตัวเองเจอแล้วว่าชอบอะไรมากกว่า
(แต่ถ้ามีอะไรพาดพิง เราก็จะมาตอบนะ เห็นไหม เรามีฟามรับผิดชอบนะเฟ้ย)

4.เราเป็นคนกินอาหารเค็ม แต่ชอบกินขนมหวาน

เราเป็นคนกินเค็ม
เวลาเราไปกินอะไรที่ต้องปรุง เช่น ก๋วยเตี๋ยว เราก็จะหยิบน้ำปลามาใส่ก่อน เหมือนสัญชาติญานยังไงอย่างนั้น
เวลาเราทำอาหาร มันก็จะออกรสเค็มนำเสมอ

ในทางกลับกัน เราชอบกินขนมหวาน

เราจะมีความสุขที่เรามีขนมอยู่ในบ้าน ยิ่งมาอยู่ที่นี่เรายิ่งติดนิสัยฝรั่งที่จะต้องกินขนมหวานเป็นจานที่สามเพือให้กินอาหารครบชุด เราก็เลยต้องมีขนมติดบ้านไว้เสมอ

ว่าแล้วก็หยิบมากินซะหน่อย อร่อยดี

5.เราจะไม่โทรหาใครเกินกว่าสองหน

สมัยเด็กๆ เราชอบคุยโทสับ แต่ต่อมาเมื่อมาอยู่ที่นี่ก็พบว่าค่าโทสับแพง เพราะฉะนั้นถ้าเจอกันได้ ก็เจอกันตัวเป็นๆดีกว่า

เวลาเราโทรไปหาใคร ก็คือเพื่อจะถามว่า จะออกมาเจอกันได้ไหม
ถ้าเราโทรไปหนแรกเค้าบอกว่าไม่ว่าง เราก็จะไม่ว่าไร เพราะเราจะโทรไปหนที่สองอีกในสี่ห้าวัน

แต่ถ้าหนที่สองเค้าไม่ว่างอีก เราก็จะไม่โทรแล้ว
นี่ไม่ได้หมายความว่า คนที่เราโทรไปจะต้องว่างให้เราเสมอหรอกนะ
แต่มันมีวิธี ที่ทำให้คนฟังรู้สึกดี คือ การกำหนดวันมาเลยว่า จะว่างวันไหน
เช่น เฮ้ มิ้มวันนี้ไม่ได้ว่ะ เป็นวันเสาร์หน้าละกัน
คือนัดไปเลย ว่าจะเจอวันไหน เพราะเราไม่ชอบโทรไปถามอะไรซ้ำๆ

เราก็เลยมีเพือนน้อย เพราะไม่ง้อใครนี่เอง
...
จบละ ห้าข้อของเรา
แล้วคุยกันจ๊ะ

 
At Wednesday, January 24, 2007 1:09:00 PM , Blogger Unknown said...

สวัสดีครับ

ผมสนใจประวัติศาสตร์มาก

อยากแลกเปลี่ยนความรู้บ้างครับ

ติ๊ก

 
At Sunday, January 28, 2007 3:44:00 AM , Blogger sweetnefertari said...

ยินดี๊ ยินดีจ้ะ... ว่าแต่นี่ติ๊ก ที่พูด"ภาษาติ๊ก"รึปล๊าวเค๊อะ!?!

 
At Monday, April 23, 2007 1:01:00 AM , Anonymous Anonymous said...

test

 

Post a Comment

Subscribe to Post Comments [Atom]

<< Home