sweetnefertari

we're gonna wish upon a star... we never wished upon before

Tuesday, August 30, 2005

ขอทาน

ขอทาน
หน้าวัดพระนอน, ประเทศพม่า
จูงหนึ่ง อุ้มหนึ่ง ขี่คออีกหนึ่ง ....

ไม่บรรยายดีกว่า ดูแล้วคิดเอาเองเน้อ

คนทรงเจ้า

เวลาดูหนังดูละคร ที่เค้ากล่าวถึงพราหมณ์ หรือแต่งตัวเป็นพราหมณ์ แล้วมากระทำการหลอกลวงชาวบ้าน ทรงเจ้าเข้าผี ทำคุณไสยต่างๆนานา เห็นแล้ว คุณรู้สึกอย่างไรกัน… เฉยๆใช่มะ ยังงัยๆฝ่ายพุทธก็เป็นพระเอก อย่างเรื่องหลวงพี่เท่งอย่างงี้

ส่วนหญิงเนเฟอร์ฯ(แหะๆ ตัวข้าพเจ้าเอง) รู้สึกแย่จัง… สงสารพราหมณ์ และนึกถึงความรู้สึกของคนที่นับถือศาสนาฮินดู เค้าก็คงอึดอัดใจ ที่มีคนมาดูหมิ่นศาสนา อันเป็นที่รักยิ่งของเค้า เช่นเดียวกับเวลาที่มีใครมาทำให้ศาสนาของเราแปดเปื้อน เช่น การเอาเศียรพระไปตั้งโชว์กับพื้น หรือเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า รองเท้ายี่ห้อหนึ่งที่ออสเตรเลีย นำเอารูปพระพุทธรูปไปไว้ที่รองเท้า และมีสโลแกนว่า “ให้เดินอย่างระมัดระวัง เพราะทุกอย่างก้าว มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆอยู่ใต้เท้า”

ไม่เฉพาะแค่ในหนังในละครเท่านั้น ชีวิตจริงของหญิงเองก็เจอคนทรงอยู่ใกล้ตัวพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นร่างทรงแถวบ้านของเพื่อน และร่างทรงญาติของเพื่อนแม่ (เอ้า..จะงงมั้ยนี่) เข้าใจว่าตัวเองเป็นร่างทรงของพระแม่อะไรสักอย่าง นับถือนิกายศักติ คือ นับถือเทวีของพระอิศวร พระนารายณ์และพระพราหมณ์ ได้แก่ พระแม่อุมา มเหสีของพระอิศวร พระแม่รัศมี มเหสีของพระนารายณ์ ส่วนมเหสีของพระพราหมณ์นี่จำชื่อไม่ได้ ติดไว้ก่อน ป้าร่างทรงคนนี้ เค้าจะทำทุกอย่างตามที่แม่(พระแม่)ของเค้าสั่ง สั่งให้ไม่ทานเนื้อสัตว์ในบางวัน สั่งให้ไม่ทานอาหารหลังเที่ยง สั่งให้ทำนู่น สั่งให้ทำนี่ ฯลฯ อะไรๆแกก็อ้างแม่สั่ง เคยพาหญิงเนเฟอร์ฯเข้าไปในห้องพระของเค้าด้วย แปลกๆ น่ากลัวดี สงสัยอยากให้เราเข้ารีต

มีครั้งหนึ่งแม่ของหญิงความดันลงผิดปรกติ เนื่องจากกินยาผิด ป้าร่างทรงคนนี้แกก็หวังดีเอาน้ำมนต์มาให้แม่ของหญิงดื่ม พร้อมกับสวดมนต์อะไรไม่รู้น่ากลัวมาก แต่เชื่อมะ…หายดันเลย

ไอ้เราก็นึกว่าศักดิ์สิทธิ์จริง ที่ไหนได้ แม่บอกว่า “แม่ตกใจ หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลยสูงขึ้นมาเป็นปรกติพอดี” !!??

เมื่อวานมีโอกาสได้ติดตามนักศึกษาศิลปากรไปโบสถ์พราหมณ์(เสาชิงช้า) สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2427 พบกับพระราชครูวามเทพมุณี หัวหน้าพราหมณ์หลวง ประจำราชสำนัก ผู้ประกอบพระราชพิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระราชพิธีพืชมงคล พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ฯลฯ (เห็นแกได้ในทีวี ตามวันสำคัญๆดังกล่าว)

ตามเสา ตามประตู ของโบสถ์พราหมณ์ แห่งนี้ จะพบข้อความหนึ่งว่า ไม่รับทรงเจ้า (อ่านแล้วสะใจเล็กๆ)

นั่งฟังพระครูเลคเชอร์ลูกศิษย์ รู้สึกอิ่มใจมาก พระครูมีเมตตาสูง มองเราด้วยความเอ็นดูตลอดเวลา พาเราดูโบสถ์ทั้ง 3 หลัง ซึ่งปรกติจะเปิดเพียงโบสถ์ใหญ่หลังเดียว ให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้ามานมัสการเทวรูปเก่าแก่ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯให้ชะลอมาจากสุโขทัย เป็นเทวรูปสมัยสุโขทัยตอนปลาย ที่สวยงามมาก ชะลอมาหลายองค์ทีเดียว หลังแรกจะเป็นโบสถ์พระอิศวรและพระพรหมณ์ หลังถัดมาจะเป็นโบสถ์พระพิฆเนศ หรือพระพิฆเนศวร และหลังสุดท้ายเป็นโบสถ์พระนารายณ์ 2 โบสถ์แรกเทวรูปที่เห็นเกือบทั้งหมดยังเป็นองค์จริง แต่หลังที่ 3 เทวรูปองค์จริงถูกนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ เนื่องจากพราหมณ์และเจ้าหน้าที่มีน้อย เกรงของจะหาย

พระราชครูเล่าถึงเรื่องเทวรูป แล้วก็เลยเล่าถึงเรื่องการทรงเจ้าด้วย ว่า ท่านเคยไปงานขึ้นบ้านใหม่ของเศรษฐีใหญ่คนหนึ่ง แกเชิญร่างทรงของ 3 เทพพ่อ แม่ ลูก มาเลย คือ พระอิศวร พระแม่อุมา และพระพิฆเนศ เชิญมาจากคนละจังหวัดด้วย พอมาถึงกอดคอกันร้องไห้ บอก “ไม่ได้เจอกันนาน” ??? พระราชครูถึงกับทนไม่ได้ แม้จะไม่ได้ต่อว่าอะไร แต่ก็ต้องขอตัวลากลับก่อน

ท่านบอกว่า “ศาสนาพราหมณ์ ไม่มีทรงเจ้าเข้าผี” (สะใจใหญ่ๆ ฮาๆๆๆๆ)

รู้แล้วก็อย่าไปเข้าใจอะไรผิดๆอีกละ เห็นใจเค้าบ้าง

ฝากแม่ไปบอกป้าร่างทรงนั้นแล้ว ตามที่พระราชครูบอกเลย ว่าศาสนาพราหมณ์ไม่มีเข้าทรง ไม่รู้แกเอามาจากไหน ใครมาลงทรงแกวะ ฮาๆๆๆๆๆๆ

Friday, August 26, 2005

Where are you

…I never wanted the stars
I never shot for the moon
I like them right where they are
All I wanted was you
So baby just turn away
Because I can’t face the truth
All I’m trying to say
Is all I wanted was you…



Where are you, Jonathan Frank Bonjiovi ?

Thursday, August 18, 2005

ประวัติศาสต์ (ปะ-หวัด-ติ-สาด)

ประวัติศาสตร์ (ปะ-หวัด-ติ-สาด)
หลังจากถะเหลเถไถ ออกนอกเรื่องไปหลายตอน ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจซะที ว่าอยากจะให้บล็อกนี้เป็นบล็อกโลกแห่งประวัติศาสตร์ อยากให้คนอื่นหันมาเข้าใจประวัตศาสตร์ว่า แท้จริงแล้ว ประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นเรื่องของความน่าเบื่อ ไม่ได้เป็นเรื่องชวนหลับ และไม่ได้เป็นแต่เฉพาะเรื่องโบราณ ประวัติศาสตร์ก็สนุกได้

แต่การเถลไถล ก็ใช่ว่าไร้ค่า จริงมั้ยคะ

อย่างน้อยก็ถือเป็นการแนะนำตัวเล็กๆน้อยๆ แลกเปลี่ยนเรื่องราว ก็เลย…เล่าสู่กันฟัง และขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ ที่แวะเวียนเข้ามาทำความรู้จักทักทายให้หายเหงา และมีกำลังใจจะทำเรื่องต่อไป (ซึ้งใจจัง…น้ำตาจะไหล Y_Y )

เอ๊า…เร่เข้ามา เอ๊า… เร่เข้ามา จะพาไปทัวร์พม่ากัน

แต่…ไม่ใช่ตอนนี้นะเจ้าคะ

โปรดติดตามตอนต่อไป ๚ ๛

(เรื่องของเรื่องคือยังไม่ได้เขียน ง่า…)

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย II

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย II
หลายท่านคงอาจจะเคยไปเกาะเสม็ดกันมาแล้ว แต่จะมีซักกี่คน ที่เคยไปตอนพายุเข้า พวกเราไม่คิดใส่ใจต่อลมฝน ที่พัดกระหน่ำ และน้ำที่ขึ้นสูง

ก็แล้วไง…อุตส่าห์ไปเที่ยวทั้งที จะให้อะไรมาขัดความสุขของพวกเราได้ไง จริงมะ…

การไปเสม็ดครั้งที่ 2 ของอีชั้น คราวนี้ไปกัน 8 คน พวกเราเข้าพักบังกะโลที่หาดทรายแก้ว หลังที่จากเหน็ดเหนื่อยกายจากการตะลอนหาที่พัก และเหนื่อยใจน้องหมาตัวใหญ่ฉี่ใส่กระเป๋า เดินข้ามกันเป็นหาดๆกว่าจะได้ ฮ้า….คิดว่าจะต้องนอนหาดอีกแล้วซี

วันนี้ฟ้ายังฟ้าอยู่ ไม่มีทีท่าของพายุแต่อย่างใด เราทำกิจกรรมกันตามปรกติ

สายวันต่อมา วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่ลดละ ยังคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ดีจัง…แดดไม่แรง ที่แปลกคือ คลื่นมันซัดเราแรงมาก ทั้งที่น้ำแค่แข้งแต่คลื่นซัดถึงเอว!? แต่ตอนนั้นเรายังขำกันว่า เอ…เริ่มเล่นจากตรงนี้ โอ้โห…น้ำพัดเอียงไปตั้งไกล ไกลจากหน้าบังกะโลของเรามากเกือบถึงโขดหินนางเงือกน้อย ที่ห่างออกไปหลาย 10 เมตรแน่ะ

เพื่อนเราคนหนึ่งเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปรกติ แต่เกือบสาย ยิ่งว่ายยิ่งออกทะเล คุณเคยเห็นคนว่ายน้ำถอยหลังมั๊ย น่านแหละ ไอ้เก่ง…อดีตนักว่ายน้ำโรงเรียน หูตาเหลือก จ้ำเอา จ้ำเอา ปากก็ร้องพลาง “ช่วยกูด้วย…ยย” คุณพระช่วย…ไอ้เก่งไม่เป็นอะไร ตกใจนิดหน่อย (แหม่…น่าเสียดาย) แต่เราก็ยังมึนไม่สนใจคำเตือนของธรรมชาติ คงเล่นน้ำกันต่อไป

สนุกกันพอแล้ว กลับที่พักอาบน้ำอาบท่า ออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า เมื่อพร้อม พวกเราก็เดินเลาะชายหาด ไปหาร้านอาหารที่คิดว่าน่าจะอร่อย และที่สำคัญราคาถูก เดินไปขำไปอย่างคนไม่รู้ชะตา โอ้โห…เป็นไงล่ะอยากกินข้าวริมหาดนัก ได้กินในน้ำเลย ก็คลื่นน่ะมันซัดถึงในร้านเลย ฝรั่งยกโต๊ะหนีน้ำกันใหญ่ ฮาๆ ขำๆ ชิวๆ

คืนนั้น เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของพวกเรา เกิดอาการงอนแฟน เดินออกไปคนเดียวมืดๆ ซักพักแฟนมันมาร้องเรียก “เจ๊…(สรรพนามที่รุ่นน้องให้เรียกแทนตัวอีชั้นเอง) น็อต โดนฝรั่ง 3 คน รุมกระทืบ อยู่หน้าเซเว่น” เท่านั้นเอง ทุกคนรีบวิ่งออกไปตามหามัน แต่ไอ้เซเว่นนี่มันอยู่ตรงไหนว่ะ!! กว่าจะเจอน็อต ก็ต้องวิ่งไปสุดหาด หมาวิ่งไล่กัดอีกต่างหาก เพราะไอ้คนนำทางพาหลง!!! เหนื่อยชะมัด ในใจก็จินตนาการไปว่า “ไอ้น็อตตายแน่” และ “ ไอ้น็อตตายแน่”

หลังจากที่วิ่งอ้อมกันมาร่วม 2 กิโล จนปวดตับ ในที่สุด เราก็เจอไอ้น็อตเดินกุมปากที่แตก แต่โชคยังดี มันไม่เป็นอะไรไปมากกว่านั้น ต้องขอบคุณพนักงานร้านเซเว่น และร้านอินเตอร์เนทมา ณ ที่นี้ ที่ช่วย แถมให้ตังค์ไอ้น็อตโทรหาพวกเราอีก คนไทยมีน้ำใจอยู่แล้น… ส่วนฝรั่งขี้เมา หลังจากที่มันกระทืบสมใจแล้วมันก็ไป หาตัวไม่เจอ

ตกดึก ฝนตกตลอด จนเช้า จนสาย จนบ่าย ก็ไม่หยุด แน่แล้วพายุมา ข่าวก็ออก ให้งดเดินเรือ แต่เพื่อนเราคนหนึ่ง ดั๊น…โกหกแม่ว่า ไปแค่ประจวบฯ ไม่ได้ไปเสม็ด ไอ้ครั้นจะสารภาพว่าติดเกาะก็ไม่กล้า ขนาดให้มันเลือกว่า “แม่ด่า กะตาย แกจะเลือกอะไร” ทายซิว่ามันเลือกอะไร มันยอมตาย ดีกว่าโดนแม่ด่า เอากะมันสิเอ้า!!!!

น่าเสียดาย ก็คุณแม่ของอีชั้นนะ อุตส่าห์จะเป็นเจ้าภาพให้พวกเราอยู่ที่เสม็ดกันต่อ และให้ย้ายไปพักที่รีสอร์ทชั้นดีของเพื่อนคุณน้า จนกว่าพายุจะสงบ บางคนก็ดีใจ มาเที่ยวทั้งทีได้อยู่หลายวัน บางคนก็อยากลับ บางคนเอาไงก็ได้ ตัดสินใจกันอยู่นาน แต่เพราะไม่สามารถทิ้งเพื่อนบางคนให้เดินทางกลับเองได้ จึงต้องยอมจำใจ กล้าๆกลัวๆกลับพร้อมกันทุกคน

ลงเรือแล้ว ฝนก็ยังพรำๆไม่หยุด ฟ้ามืดตึ๊ดตื๋อ คลื่นสูงเท่ากราบเรือ ขึ้นๆลงๆเหมือนเล่นไวกิ้งค์ นั่งกอดชูชีพ พะอืดพะอม ดมยาดมตลอดทาง ในใจก็คิดว่า “จะตายมั๊ยตู”

ด้วยความเห็นห่วง คุณแม่ของอีชั้น จึงไปรับถึงบ้านเพด้วยตัวเอง ดีใจจัง ได้กลับมาเจอหน้าแม่ น่าแปลก แม่ไม่ดุซักคำ แถมฉันพาเที่ยวระยองต่ออีกวัน ก็คนเป็นแม่นี่นะ ขอแค่ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย แม่ก็ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว จริงมั๊ย

ตอนสายไปเดินเล่นตลาดกับแม่ ซื้อกุ้ง กุ้งส๊ดสด แม่เลยถามเล่นๆคุณป้าแม่ค้าไปว่า “สดจัง…แช่ฟอร์มาลีนมารึป่าว?” คุณป้าแม่ค้าแสนซื่อตอบกลับมาให้ใจชื้นว่า “ไม่ใช้หร้อก… ตำรวจจับ” อ๊า..ดีจัง “ เดี๋ยวนี้เค้าใช้น้ำประสานทองก๊าน….” โอ้ว…!!!???

เอ…วันนี้ของทะเลราคาแพง แถมปลาหมึกสดของโปรดก็มีน้อย เลยถามแม่ค้าไปว่า “วันนี้ไม่มีปลาหมึกหรอค่ะ” แม่ค้าตอบว่า
“ไม่มีหร๊อก…เมื่อคืนเรือตกหมึกล่มจ้ะ”

อึ๋ย…รอดมาได้ไงว่ะตู!!!

Wednesday, August 17, 2005

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย I (ตอน2)

โอ้ว…ในที่สุดก็เช้า เมื่อคืนฉันกับแมนไม่ได้นอนเลย เพราะอยู่เป็นยามให้เพื่อนๆ มาทะเลทั้งที มันต้องดูพระอาทิตย์ขึ้น ฟ้าเกือบสาง เรามานั่งยองๆรอพระอาทิตย์ ที่ริมหาดใกล้ๆกับที่เรานอนนั้นแหละ อ้า...พระภิกษุออกบิณฑบาตแล้ว และทักทายเราอย่างเป็นมิตรด้วยว่า “How are you” อีชั้นเลยตอบกลับไปว่า “หนูคนไทยค๊า…”

อื้ม…แสดงว่าหน้าตาเราเริ่มอินเตอร์กว่าเมื่อวานแล้วนะนี่ ฮุ ฮุ

รอไปรอมา นี่มัน 7 โมงเช้าแล้วนี่หว่า “ไอ้แมน พระอาทิตย์ไปไหนว่ะ แดดส่องตัวจะดำอยู่แล้ว” หันไปหันมา เฮ่ย!! พระอาทิตย์ขึ้นข้างหลัง

พลาด…พลาดอีกแล้ว เป็นบทเรียนว่า ถ้าจะดูพระอาทิตย์ ต้องดูทิศก่อนนะ จำไว้

เช้าวันใหม่ เราเริ่มหาที่พักกันอีกครั้ง เราตัดสินใจว่า จะเดินหาให้ไกลกว่าเดิม แต่ก็อย่างเคย ไม่มีที่ไหนรับ เราเลยมานั่งพักเหนื่อยและกินข้าวกลางวันกันที่บังกะโลด้านหลังกับที่เรานอน อาหารอร่อย สั่งข้าวหมึกกระเทียมได้หมึกชิ้นเบ่อเร่อ ให้เต็มจานเลย ในราคาคนไทย คือ 60 บาท (ราคาฝรั่ง 90 บาท แอบเห็นในบิลล์ ที่พี่แคชเชียร์วงเล็บเอาไว้) ซึ่งถือว่าถูกแล้วสำหรับค่าครองชีพบนเกาะนี้ ที่ทุกอย่างคูณ 2 ถามไปถามมา อ่า…มีห้องว่างสำหรับ 5 คน 1 ห้อง ราคา 1,500 บาท ส่วนเกินคิดคนละร้อย รวมเป็น 1,700 บาท หารกันตกคนละ 200 กว่าเอง มีแอร์ มีเตียงใหญ่ 2 เตียง สะอาดถูกหลักอนามัย เจ้าของก็ใจดี เป็นครอบครัวคนไทยกับสามีฝรั่ง มีลูกๆน่ารัก

ใกล้เกลือกินด่างแท้ๆ คนเราก็งี๊แหละ…มักมองข้ามอะไรที่อยู่ใกล้ตัวเสมอ

อิ่มแล้ว มีที่พักแล้วด้วย สบายใจ เลยนั่งเรียงหน้ากระดานมองฝรั่งใส่บิกินีตัวจิ๋วเล่นน้ำ ท้าแดดท้าลม ส่วนพวกเรานะรึ ฮึ ฮึ รอแดดร่มแล้วเราค่อยเล่นก็แล้วกัน แหม...ก็ผิวหนังของอีชั้นบอบบางนี่เจ้าคะ เอ…นั่นอะไรนะ คนไทยนี่ หัวเกี๋ยนแบบรด. หน้าตาไม่น่าเกิน ม.ปลาย 4-5 คน ใส่สายเดี่ยวนุ่งสะโล่งโปร่งสบาย เริงร่าอยู่ริมหาด ดีเหมือนกันดูเพลินๆตาดี ยกเว้น ไอ้แมนที่ยังเสียวทวารไม่หาย ออกอาการเกลียดตุ๊ด! ขึ้นมาทันที (ตอนนี้ มันหายเกลียดแล้วค่ะ ชาวสีม่วงอย่าเพิ่งโกรธนะเจ้าคะ)

ตกดึก เรามานั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันริมหาดที่เดิม แต่ไม่ไกล เห็นแสงไฟล้อมเป็นวงกลม โดยขุดเป็นหลุมๆแล้วเอาเทียนไว้ตรงกลางกันลมพัดดับ โห่…อย่างกะบูชายันต์ ไอ้นุวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกเราว่า “แกๆดูดิไอ้เด็กรด. เมื่อตอนกลางวัน มัน…มัน” เราหันไปดูตามนิ้วที่มันชี้ ภาพที่เราเห็นคือ พระเจ้าด็อกกิ่ง!!! เด็กพวกนั้น กำลังมีเพศสัมพันธ์ท่าหมา ไอ๊หย่า!!!

พวกเราใช้ความคิดอีกครั้ง...

เห็นพร้องต้องกันว่า คราวนี่อย่าพลาดอีกนะ ค่อยๆดู เดี๋ยวไก่ตื่น

Monday, August 15, 2005

ไปเสม็ดเสร็จทุกราย I (ตอน1)

jดีใจจัง จะได้ไปเสม็ดแล้ว เย่ เย่ …ตอนนั้นพวกเราอยู่กันปี 2 คิดการใหญ่ด้วยการตัดสินใจแน่วแน่ว่า “เราจะไปเสม็ดกัน”

เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากนัก ก็แค่การมาเสม็ดครั้งแรกของอีชั้นนะ โอ้ย…เดินหาที่พักกันน่องโป่ง เรามากันเย็นมาก เหนื่อยแสนเหนื่อย เนื่องจากต้องรอให้ทุกคนเรียนเสร็จซะก่อน กว่าจะไปถึงเสม็ดก็ค่ำมากแล้ว พอถึงแล้วยังไม่มีที่พักซะอีกแน่ะ เดินหาแล้ว…หาอีก ย้อนไปย้อนมา ก็อันที่จริงน่ะนะ มันก็เกิดจากความหยิ่งในศักดิ์ศรีของพวกเราเองอะแหละ บังกะโลแรกที่เราถามนะ เค้าเสนอที่พักให้ด้วยราคา 1 พันบาท แต่แหม บังกะโลผุๆ เล็กๆแคบๆ ใช้เสื่อมุง ไม่มีแอร์ และสกปรกขนาดนั้น คิดสำหรับราคา 7 คน ขนาดนี้ เราเลยบอกเค้าไปว้า “ขอดูที่อื่นอีกนิดนะคะ” แต่พี่แกโวยวายว่า “ถ้ามาอีกคิดพันสอง” พวกเรามองหน้ากัน และตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า “เป็นตายร้ายดียังงัย พวกฉันก็จะไม่มีวันกลับมาง้อแกหรอก ฮึ!!”

ไม่นึกเล๊ย…ว่าจะสมพรปาก เดินมา 3 หาด ที่พักเต็มหมด อ้อ…บางที่ที่ไม่เต็มนะ มันสงวนไว้ให้ฝรั่งนะ ส่วนคนไทยนะเหรอไปพักที่อื่น โทษทีนะ! ที่หนังหน้าของพวกฉันนะไม่อินเตอร์ เลยพักไม่ได้ โอ้ย…ดูนาฬิกา จะตีหนึ่งแล้ว โอ้ว…ยังไม่มีที่พัก คิดไม่ออก พวกเราเลยมานั่งจุมปุกกันแถวหาด ซึ่งมีแสงสว่างจากบาร์สนุกเกอร์ใกล้ๆ

ดีที่พกข้าวกล่องกันมา เลยไม่ต้องเจอไม่ต้องเจอปัญหาท้องหิวไส้กิ่วอีกระลอก ห้องน้ำสาธารณะก็มี ถึงจะสกปรกเหลือใจ ก็ต้องใช้ๆไปก่อน “ยังงัยก็คงดีกว่ายองๆฉี่แหละว่ะ”

พวกผู้ชายได้เพื่อนใหม่ถูกคอ เป็นลูกจ้างในบังกะโลแถวนั้น ใจดีมานั่งคุยกะเรา แต่แหมเรื่องที่เล่านะ ปลอบใจเราเหลือกำลัง ก็พี่แกเล่าว่า “เมื่ออาทิตย์ก่อนมีฝรั่ง โดนคนงานไทยข่มขืน” อ้าว…เอาแล้วไง ยิ่งไม่มีที่พักอยู่ด้วย “แต่ไม่เป็นไรหรอก มันไม่เอาคนไทย…” พี่เค้าว่างั้น โอ้โห! ช่วยได้มากเลยพี่ ขอบใจที่ปลอบ ตายๆๆเอาไงดีว่ะพวกเรา

ทันใดนั้น ก็มีฝรั่งเข้ามาคุยด้วย เป็นชาวเยอรมัน ชื่อ โอลาฟ คุยไปส่งสายตาหวานไป แต่ขอโทษไม่ได้ส่งตาหวานมาทางอีชั้น หรือเพื่อนสาวๆสวยๆของอีชั้นหรอกนะ แต่เป็น..เออๆ แบบว่าคือ แบบ เออ..ส่งสายตาให้เพื่อนเรา ชื่อ ไอ้แมน แค่ชื่อก็เดาได้นะคะ น่านแหละเจ้าค่ะ อย่างที่ท่านคิด ขณะที่โอลาฟหว่านล้อมต่างๆนานา ให้พวกเราไปพักกับเค้า(เป็นเสียงในฟิมล์) ไอ้แมนทนขนลุก(ตูด)ไม่ไหว เลยลุกออกมาจากตรงนั้น สาบานได้ อีชั้นเห็นกับตาว่า ทันทีที่ไอ้แมนลุกออกมา โอลาฟมองตูดไอ้แมน ขนลุกค่ะ แต่เพื่อนเราอีกคน ชื่อ นุ ก็ยังคงสนทนาอยู่กับโอลาฟ เนื่องจากเห็นแก่ที่พัก นุถามเข้าไปว่า “…have air condition” โอลาฟพยักหน้า นุดีใจสุดๆ อีชั้นจึงตัดสินใจว่า "ไอ้แมน…ถึงเวลาแล้ว ที่แกต้องเสียสละ” แต่เพื่อความสบายใจของไอ้แมน อีชั้นจึงปลอบมันไปว่า “เอาน่า…เดียวพอเข้าบ้านแล้ว พวกฉันจะจับมัน(โอลาฟ)มัดให้เลย มันทำไรแกไม่ได้หรอก” แต่น่าเสียดายที่เกลี่ยกล่อมไม่สำเร็จ ไอ้แมนเห็นแก่ตูด เอ้ย…เห็นแก่ตัว ไม่ยอมนะสิเจ้าค่ะ

ด้วยเหตุฉะนี้…ฉะนั้น เราเลยต้องนอนหาด มีเสื่อที่ซื้อมา มีเปลชายหาด เราก็นอนกันได้ นอนเรียงๆกันไป ฮ๊า…อันที่จริง มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อากาศดี ดาวสวย เป็นครั้งแรกที่ได้มองท้องฟ้าได้เต็มตาขนาดนี้ ไม่มีตึกสูงมาบดบังความสวยงามของดวงดาว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าว่าดาวหางมีอยู่เต็มท้องฟ้าไปหมด ผ้าถุงผืนหนึ่งแหย่ขาใส่เข้าไปได้ 3 คน กันยุงกัด อบอุ่นดี

สักพักมีฝรั่งชายหญิงวิ่งหยอกล้อถูๆไถๆกันมา แล้วก็หยุดเล่นจ้ำจี้มะเขื่อเปราะกระเทาะหน้าแว่น ไม่ห่างเรามากนัก โดยไม่ได้นัดหมาย พวกเราก็สามารถเรียงตัวไล่สเต็ปกันเป็นอัฒจันทร์

เอ๊า...ไก่ตื่นซะและ ก็แหมเล่นมองเอาๆ ไก่เลยไหวตัวย้ายที่ไปเล่นจ้ำจี้ในที่อื่น อดดูต่อเลย…เสียดาย

Sunday, August 14, 2005

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก คำนี้ ขอยืนยันว่า จริงแสนจริง เฮ่อ……….(ถอนหายใจยาวๆ)

ก็เมื่อวันก่อนเกิดปวดท้องหนัก (ไม่ใช่ปวดอุจจาระนะเจ้าค่ะ) ปวดท้องประจำเดือนนั้นแหละค่ะ แต่คราวนี้เกิดปวดขณะเดินเล่นอยู่ในห้างดังแห่งหนึ่ง แถวรามอินทรา แต่ก็ไม่ได้ทานยาอะไรเพราะไม่นึกว่าจะปวดมาก แล้วก็เลยไปนั่งรอเพื่อนที่ร้านทำผม คราวนี้เกิดปวดมากขึ้นมา บิดไปบิดมาก็แล้ว เดินไปเร่งช่างก็แล้ว โถ…พี่ช่างก็อุตส่าห์มีน้ำใจถามเราว่า “ปวดท้องเหรอค่ะ” แต่พี่แกก็ไม่ได้เร่งอะไรให้เราเล๊ย… ค่อยๆตัด ค่อยๆเล็มอยู่นั่น

เราก็ได้แต่นั่งรอ ในใจก็พลางนึกด่าว่า “เมื่อไรมันจะเสร็จวะ” มันปวดมากจนต้องเดินไปหยิบน้ำที่ทางร้านยกมาเสิร์ฟ เสิร์ฟเพื่อนเรานะคะ ที่หน้ากระจก กินยาพาราที่พกมาไป 2 เม็ด แล้วเดินอุ้มท้องกลับไปนั่งรอที่เดิม ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าน้ำลายเปรี้ยวๆมาจากไหน ออกมาเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวจะวิ่งไปบ้วนทิ้ง แต่ โอ้! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด พระเจ้าจอร์จ มันทอดยาก!!! ไม่ทันค่ะ อวัยวะภายในมันบีบมันเค้นข้าวหมูกระเทียมพริกไทย ที่เพิ่งรับประทานไปก่อนหน้านี้ไม่นานออกมาหมดเลยเจ้าค่ะ กระจายเต็มร้านทำผม (ลื้นอ้วกตัวเองอีกต่างหาก แต่คุณพระคุ้มครอง...ไม่ล้มค่ะไม่ล้ม)


โอ้ว…ใครจะเช็ด แต่โชคดีที่เราเป็นคนป่วย เลยรอดตัวไป โฮ๊ะๆเพื่อนเจ้ากรรมต้องมารับผิดชอบเช็ดแทนเรานี่สิ น่าสงสาร แต่ก็แค่ในตอนแรกนะ เพราะหลังจากเช็ดเสร็จแล้วพี่ช่างแกก็ยังไม่ยอมเสร็จ ต้องกลับไปทำผมต่อ ปล่อยให้เรานอนรออยู่บนเตียงทำผมอยู่อย่างนั้น แล้วก็นึกด่าอยู่ในใจคำเดิมว่า “เมื่อไรมันจะเสร็จวะ”

หลังจากนั้นก็ได้ไปโรงพยาบาลกันซะที แต่ยังค่ะยังไม่จบง่ายๆ พอไปถึงนะก็ต้องนั่งรอคุณหมออีกพักหนึ่งกว่าคุณจะเสด็จ ไม่รู้แกไปไหนมา ไอ้เรารึก็ปวดปากซีดปากสั่น จนขอเค้าเปิดห้องให้นอน แต่พี่พยาบาลหวังดี ไม่ยอมเปิดให้ เราเลยทำได้แต่นั่งรอ รอแล้วก็รอ รอ รอ…

“เชิญคุณพิมพ์พรรณค่ะ” โอ้ว…ประดุจทิพย์เสียงจากสวรรค์ ช่างหวานหูเสียจริง…พอตรวจเสร็จสรรพ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ มันเป็นความสามารถเฉพาะตัว ที่ไม่อาจลอกเลียนแบบได้ สาเหตุเกิดจากมดลูกของอีชั้นเอง มันงอๆอยู่ แต่คุณหมอบอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร “มีลูกก็หาย” เอ…อีชั้นจะดีใจหรือเสียใจดีค่ะนี่ ผู้หญิงก็เยอะ ผู้ชายก็น้อย แถมรักกันเองอีกแน่ะ

ได้ยามา 3 กระปุก สบายใจ แต่ยังไม่สบายกาย เลยต้องกินยาตามหมอสั่งก่อน คุณหมอท่านว่า ให้กิน 2 กระปุกแรกก่อน เพราะเมื่อกี๊กินพาราไปก่อนแล้ว ไม่ต้องกินซ้ำ อีชั้นเลยหยิบยาจากถุงขึ้นมา 2 กระปุก อ่านฉลากและดูที่เม็ดยาตามความคุ้นเคย ยาสีฟ้ากระปุกหนึ่ง กิน 1 เม็ด ยาสีเหลืองอีกกระปุกหนึ่ง กิน 2 เม็ด อ้า…แน่แล้ว ไม่มีพารา กินเลยก็แล้วกัน ไม่น่าเชื่อยาวิเศษ เพียงแค่ 3 เม็ด เท่านั้น มันแทบจะหายปวดตั้งแต่ทันทีที่กิน หยิบกระปุกยาขึ้นมาดูอีกครั้ง

โอ้ว…พระเจ้า ก็ไอ้เจ้ายาสีเหลืองนั้นนะ มันพารา

ตายห่.. กินพาราไป 4 เม็ด โอ้ว…..

Friday, August 12, 2005

เนเฟอร์ตารี


Nefertari

Thursday, August 11, 2005

Nefertari

SweetNefertari

ก่อนอื่นต้องขอฝากเนื้อฝากตัว ในฐานะบล็อกเกอร์น้องใหม่ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า sweetnefertari คืออะไร คำว่า nefertari คือ พระนามพระราชินีแห่งฟาโรห์รามีเสสที่ 2 (Rameses II) หรือ รามีเสสมหาราช แห่งดินแดนไอยคุปต์ เมื่อ 3,000 กว่าปีที่แล้วนู้น ถ้าใครยังไม่รู้จักพระนางอีก ลองนึกถึงหนังฮอล์ลีวูดเรื่อง “บัญญัติ 10 ประการ” (The Ten Commandments) หรือการ์ตูนเรื่อง “The Prince of Eypt” สิคะ พระนางนี่แหละ ที่เป็นยอดดวงใจของมหาบุรุษเลื่องชื่อถึง 2 คน ทั้งรามีเสส และโมเสส

เรื่องราวแห่งความรักระหว่างทั้ง 3 คงจะตราตรึงอยู่ในใจของคนไม่น้อย แต่น่าเสียดาย ที่แท้จริงแล้วสมัยของโมเสส กับสมัยของรามีเสสที่ 2 และเนอเฟอร์ตีรีนั้นน่ะ มันคนละยุคกัน!!! การอพยพครั้งใหญ่ของชาวฮิบรู อันนำโดยโมเสส ซึ่งปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์เก่า (The old Testament) ตรงกับสมัยฟาโรห์เมอเนปตา สมัยก่อนหน้านู๊น…ส่วนคำว่า sweetnefertari ก็คงจะเดาไม่ยากอะไร ก็แหมบล็อกเค้าไม่อนุญาตให้ใช้คำว่า nefertari เฉยๆนะสิเจ้าคะ

กลับมาที่พระนางเนเฟอร์ตารี อย่าได้สับสนว่าจะเป็นคนเดียวกับเนเฟอร์ติตี ราชินีสุดรักของฟาโรห์อิคนาตันเชียว พระสวามีของพระนาง คือ ฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 4 (Amenhotep IV) ผู้ซึ่งทำการปฏิรูปศาสนา โดยให้หันมานับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว คือ เทพเจ้าเอตัน (Aton) แทนที่เทพเจ้าที่ชาวอียิปต์นับถือมากมาย แล้วเปลี่ยนพระนามให้เป็น อิคนาตัน แม้นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่จะนับถือพระองค์ในฐานะนักอุดมคติคนแรกของโลก ที่สนับสนุนการนับถือเทพเจ้าแบบเอกเทวนิยม แต่ประชาชนสมัยนั้นแน่นอนว่าคงจะไม่มีใครปลื้มพระองค์นัก เพราะทันทีที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ก็ได้มีการหันกลับมานับถือเทพเจ้าหลายองค์แบบเดิม รูปเคารพที่พระองค์สร้างก็ถูกทำลาย แม้แต่พระรูปและพระนามของพระองค์ก็พบว่ามีร่องรอยของการถูกทำลายเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ความสำคัญของพระนางหาใช่ที่ความเด่นดังของพระสวามีแต่เพียงอย่างเดียว เพราะพระนางนี่แหละที่ได้ชื่อว่า เป็นราชินีผู้เลอโฉมที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อียิปต์

เรื่องน่าแปลกอีกประการ ก็คือ พระพักตร์ของพระนางเนเฟอร์ตีตีช่างละม้ายกับ “สินใจ หงษ์ไทย” ยังไงยังงั้น และพระสวามีของพระนางดูยังงั้ยยังงัยก็เหมือน “ภราดร” อย่างกับแกะ!!!!!!!! ซะงั้น